โทรศัพท์ในขณะขับขี่ โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะตอนที่ขับขี่บนท้องถนนเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ขับรถทางไกลหรือไปจังหวัดใกล้เคียง สิ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้นักเดินทางก็คือเล่นเกมโทรศัพท์มือถือหรือส่งข้อความคุยกับเพื่อนในขณะขับรถ
แต่เป็นที่น่าเศร้าว่าการใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่ เป็นผลทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องมาจากผู้ขับขี่เสียสมาธิและไขว้เขวได้ การบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) พบว่ามีผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ย 9 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คนในแต่ละวัน สาเหตุมาจากรถชนกันเนื่องจากผู้ขับเสียสมาธิ
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่การใช้โทรศัพท์เท่านั้นที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แม้กระทั้งการกินอาหาร หรือ เปิดเพลงฟังในระหว่างการขับขี่ก็อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิและเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้รถชนกันได้
สิ่งที่ NHTSA ต้องการที่จะสื่อก็คืออุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่บนท้องถนนต่างให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่ที่เป็นวัยรุ่น ผู้ซึ่งมีประสบการณ์บนท้องถนนน้อยและขับขี่ด้วยความไม่ระมัดระวัง แต่สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้อย่างไร? ความเสี่ยงใดที่เกิดขึ้นจากการส่งข้อความหรือการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถ?

การใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่ ส่งผลต่อการขับขี่ของวัยรุ่นได้สามอย่างด้วยกัน:
- ทำให้ละสายตาจากท้องถนน
- ทำให้เสียสมาธิในระหว่างการขับขี่และการตัดสินใจเพียงเสี่ยววินาที
- ทำให้เกิดพฤติกรรมการส่งข้อความหรือคุยโทรศัพท์ในขณะขับขี่ซึ่งไม่ดี
การทำพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น เร่งความเร็วเกินกำหนด ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีผู้โดยสารมาด้วยในรถ ดื่มเครื่องมือมึนเมา/กินยา หรือการขับรถภายใต้อิทธิพลของคาเฟอีนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องจริงสำหรับผู้ขับทุกคนแต่ก็ดูเหมือนจะเห็นได้ชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ขับที่เป็นวัยรุ่น ผลสำรวจล่าสุดพบว่า 60% ของวัยรุ่นยอมรับการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถและมีเพียง 36% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาไม่ส่งข้อความและขับรถ
ดังนั้น การใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่ เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุด้วยหลายเหตุผลด้วยกัน:
โทรศัพท์ในขณะขับขี่ เพิ่มโอกาสการขับรถชนกัน
การละสายตาจากท้องถนนเป็นเวลา 5 วินาที เพิ่มโอกาสการเกิดรถชน และการขับรถและส่งข้อความไปด้วย ทำให้ขับเกินความเร็วที่กำหนด อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
เสียสมาธิมากกว่าเดิมหกเท่า
การใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่ นั้นทำให้เสียสมาธิมากกว่าเดิมถึงหกเท่าเมื่อเทียบกับการขับขี่เมื่ออยู่ในอาการมึนเมา (DWI) และเสียสมาธิมากกว่าเดิมถึง 11 เท่าเมื่อขับขี่หลังจากดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์
ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ส่งข้อความในขณะขับขี่ แต่การใช้โทรศัพท์ก็อาจจะทำให้เสียสมาธิไปจากท้องถนนได้
ลดระยะเวลาตอบสนอง
การละสายตาออกจากท้องถนนเป็นเวลาหกวินาทีลดระยะเวลาการตอบสนองลงถึง 35% หรือประมาณสองวินาที ละสายตาออกจากถนนเป็นเวลาสองวินาทีเพิ่มระยะเวลาการตอบสนองถึงสี่วินาที ซึ่งอาจะหมายถึงความเป็นควาตายในบางสถานการณ์
เรียนรู้กฏหมาย
สำหรับในสหรัฐอเมริกา ทุกเมืองมีกฎหมายห้ามใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่ ถ้าคุณคุยโทรศัพท์ในขณะขับรถอยู่แล้วละก็ คุณอาจจะถูกเรียกเพื่อเสียค่าปรับเนื่องมาจากตำรวจจะคิดว่าคุณกำลังเสียสมาธิในขณะขับขี่อยู่นั้นเอง
ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนอื่น
ส่วนใหญ่แล้วเราต่างก็นึกถึงความปลอดภัยของตัวเองเมื่อพูดถึงการใช้โทรศัพท์ในขณะขับขี่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดจากรถยนต์ 9% เกิดมาจากผู้ขับขี่อายุ 16 ถึง 20 ปี
สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือเราทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยแค่ไหนเพราะการเสียสมาธิอยู่หลังพวงมาลัย สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อเราเท่านั้นแต่ยังสามารถทำร้ายผู้อื่นได้อีกมากมายไม่ว่าจะอยู่บนท้องถนนหรือใกล้ๆโปรดตระหนักเสมอว่าพฤติกรรมของคุณส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไรและสิ่งที่ไม่ควรทำในขณะขับรถ เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุจากตัวคุณเองและผู้อื่น
ต้องการรับข้อมูลการขับขี่ที่ปลอดภัยของคุณหรือของวัยรุ่นที่บ้านในขณะขับขี่?
รายงานการขับขี่จากไอแชร์ริ่งช่วยให้คุณตรวจสอบได้ว่าสมาชิกแต่ละคนขับรถเป็นอย่างไร สามารถลองใช้ได้เพียงดาวโหลดไอแชร์ริ่งวันนี้!